ความสำคัญของโน้ตในขั้นต่างๆของบันไดเสียงเมเจอร์
1) TONIC NOTE เป็นโน้ตตัวแรกของบันไดเสียง มีสุ่มเสียงที่เที่ยงตรง มั่นคงที่สุด เป็นกุญแจสำคัญในการแสดงความเป็น Tonality โดยเฉพาะถ้านำมาใช้เป็นโน้ตตัวแรกหรือตัวสุดท้ายของบทเพลง เป็นโน้ตที่ย่ำเสียงได้นานที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งพาโน้ตในลำดับขั้นอื่นๆ สรุปคือ มีความมั่นคง ( Stable ) และคงที่ได้นาน ( Inactive )
2) SUPER TONIC NOTE เป็นโน้ตที่วางอยู่เหนือ Tonic หนึ่งขั้น จึงได้ชื่อว่า Super Tonic โน้ตในขั้นนี้ เป็นโน้ตที่มีความไม่คงที่อยู่ในตัวสูง ( Unstable ) คล้ายกับมีแรงขับเคลื่อนหรือมีความต้องการที่จะดำเนินต่อไป ( Active ) โดยไม่จำกัดทิศทาง
3) MEDIANT NOTE เป็นโน้ตที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Tonic Note กับ Dominant Note จึงได้ชื่อว่า Mediant โน้ตในขั้นนี้เป็นโน้ตที่อยู่ในองค์ประกอบของ Tonic Triad และเป็นตัวที่แสดงความเป็น Major Sound ให้แก่คอร์ดและสเกลที่เด่นชัดที่สุด นิยมนำมาใช้เพื่อเสริมความเป็น Tonality ให้กับ Tonic Note เพื่อแสดงความมั่นคงยิ่งขึ้นให้กับ Tonality Sound สามารถนำมาใช้ได้ทุกช่วงของบทเพลง แต่จะโดดเด่นที่สุดคือ ท่อนจบเพลง
4) SUBDOMINANT NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 4 ของบันไดเสียง ต่ำกว่า Dominant Note หนึ่งขั้นจึงใช้คำว่า Sub ( บางตำราให้ที่มาของ Subdominant ว่าเป็นโน้ตที่อยู่ห่างจาก Tonic ในลำดับที่ต่ำกว่า 5 ขั้น ) โน้ตในขั้นนี้ จะไม่มีความมั่นคง ( Unstable ) และมีแนวโน้มของเสียงค่อนข้างแรง ( Active ) ในการที่จะเคลื่อนที่เข้าหา Mediant Note ซึ่งเป็นโน้ตที่อยู่ในองค์ประกอบของ Tonic Triad จึงจัดได้ว่า เป็นโน้ตที่ช่วยเสริมสร้าง และมีแนวโน้มเข้าหาเสียงหลักที่โดดเด่นอีกตัวหนึ่ง นักแต่งเพลงส่วนใหญ่จะใช้โน้ตในขั้นนี้ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับ Tonality Sound
5) DOMINANT NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 5 ของบันไดเสียง โน้ตในขั้นนี้เป็นโน้ตที่อยู่ในองค์ประกอบของ Tonic Triad เช่นเดียวกับ Mediant Note แต่จะทำหน้าที่ต่างกัน โน้ตในขั้นนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้กับ Tonic Note และ Tonic triad มากยิ่งขึ้น และด้วยความแข็งแกร่งและมั่นคงของโน้ตในขั้นนี้ ถ้าใช้ให้ดีจะมีคุณอนันต์ต่อ Tonality Sound แต่ถ้าใช้ไม่ดีก็จะเป็นตัวทำลาย Tonality Sound ที่ทรงอนุภาพที่สุด เหตุเพราะโน้ตในขั้นนี้มีความมั่นคง ( Stable ) สูง พอๆกับ Tonic Note เลยทีเดียว
6) SUBMEDIANT NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 6 ของบันไดเสียง และเป็นโน้ตที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Tonic Note กับ Subdominant Note ในบันไดเสียงขาลง ( Descending ) โน้ตตัวนี้ ไม่มีความคงที่อยู่ในตัว ( Unstable ) คุณสมบัติคล้ายกับ Supertonic Note คือ สามารถดำเนินไปได้โดยไม่จำกัดทิศทาง แต่มีข้อควรระวังอยู่อย่าง คือ อย่าใช้โน้ตตัวนี้บ่อยๆหรือใช้เป็นเสียงค้างยาว ซึ่งจะทำให้โน้ตตัวนี้สำคัญตัวเองขึ้น และผลลัพธ์จากการที่โน้ตตัวนี้มีความสำคัญขึ้น จะส่งผลร้ายแรงขนาดสามารถทำลาย Tonality Sound ได้เลยทีเดียว เหตุผลก็เพราะ โน้ตตัวนี้จริงๆแล้วก็คือ Tonic Note ของบันไดเสียง Minor ซึ่งเป็น Relative กับบันไดเสียง Major นั่นเอง
7) LEADING NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 7 ของบันไดเสียง โน้ตตัวนี้เป็นโน้ตที่มีแนวโน้มสูงมากที่ต้องการดำเนินเข้าหา Tonic Note กล่าวคือ ไมสามารถคงที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง ( Unstable ) แต่ก็ถูกจัดให้อยู่ในโน้ตที่เสริมสร้าง Tonality Sound เช่นเดียวกับ Subdominant Note มีข้อควรระวังอยู่อย่าง สำหรับการใช้โน้ตในขั้นนี้ คือ อย่าใช้โน้ตตัวนี้บ่อยๆหรือใช้เป็นเสียงค้างยาว โดยเฉพาะกับ Dominant Triad เพราะถึงแม้ว่า โน้ตตัวนี้จะไม่มีความคงที่และมีแนวโน้มที่จะเกลาเข้าหา Tonic Note เสมอ แต่ถ้าถูกใช้บ่อยๆกับ Dominant Triad ก็อาจมีผลทำให้ Tonality Sound สั่นครอนได้ เหตุเพราะ Leading Note เป็นโน้ตคู่ 3 Major ที่อยู่ในองค์ประกอบของ Dominant Triad ซึ่งจะส่งผลทำให้ Dominant Triad มีความสำคัญขึ้น จนอาจทำให้รู้สึกว่า บทเพลงกำลังจะเปลี่ยน Tonality ไป หรือที่เราเรียกกันว่า “ Modulate “
หมายเหตุ : การ Modulation หรือ Modulate คือ การเปลี่ยนคีย์เพลงหรือเปลี่ยนบันไดเสียงในเพลงเดียวกัน ซึ่งคีย์ที่นิยมเปลี่ยนออกไปจาก Tonality Key ก็คือ Dominant Key หรือ Subdominant Key นั่นเอง !
1) TONIC NOTE เป็นโน้ตตัวแรกของบันไดเสียง มีสุ่มเสียงที่เที่ยงตรง มั่นคงที่สุด เป็นกุญแจสำคัญในการแสดงความเป็น Tonality โดยเฉพาะถ้านำมาใช้เป็นโน้ตตัวแรกหรือตัวสุดท้ายของบทเพลง เป็นโน้ตที่ย่ำเสียงได้นานที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งพาโน้ตในลำดับขั้นอื่นๆ สรุปคือ มีความมั่นคง ( Stable ) และคงที่ได้นาน ( Inactive )
2) SUPER TONIC NOTE เป็นโน้ตที่วางอยู่เหนือ Tonic หนึ่งขั้น จึงได้ชื่อว่า Super Tonic โน้ตในขั้นนี้ เป็นโน้ตที่มีความไม่คงที่อยู่ในตัวสูง ( Unstable ) คล้ายกับมีแรงขับเคลื่อนหรือมีความต้องการที่จะดำเนินต่อไป ( Active ) โดยไม่จำกัดทิศทาง
3) MEDIANT NOTE เป็นโน้ตที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Tonic Note กับ Dominant Note จึงได้ชื่อว่า Mediant โน้ตในขั้นนี้เป็นโน้ตที่อยู่ในองค์ประกอบของ Tonic Triad และเป็นตัวที่แสดงความเป็น Major Sound ให้แก่คอร์ดและสเกลที่เด่นชัดที่สุด นิยมนำมาใช้เพื่อเสริมความเป็น Tonality ให้กับ Tonic Note เพื่อแสดงความมั่นคงยิ่งขึ้นให้กับ Tonality Sound สามารถนำมาใช้ได้ทุกช่วงของบทเพลง แต่จะโดดเด่นที่สุดคือ ท่อนจบเพลง
4) SUBDOMINANT NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 4 ของบันไดเสียง ต่ำกว่า Dominant Note หนึ่งขั้นจึงใช้คำว่า Sub ( บางตำราให้ที่มาของ Subdominant ว่าเป็นโน้ตที่อยู่ห่างจาก Tonic ในลำดับที่ต่ำกว่า 5 ขั้น ) โน้ตในขั้นนี้ จะไม่มีความมั่นคง ( Unstable ) และมีแนวโน้มของเสียงค่อนข้างแรง ( Active ) ในการที่จะเคลื่อนที่เข้าหา Mediant Note ซึ่งเป็นโน้ตที่อยู่ในองค์ประกอบของ Tonic Triad จึงจัดได้ว่า เป็นโน้ตที่ช่วยเสริมสร้าง และมีแนวโน้มเข้าหาเสียงหลักที่โดดเด่นอีกตัวหนึ่ง นักแต่งเพลงส่วนใหญ่จะใช้โน้ตในขั้นนี้ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับ Tonality Sound
5) DOMINANT NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 5 ของบันไดเสียง โน้ตในขั้นนี้เป็นโน้ตที่อยู่ในองค์ประกอบของ Tonic Triad เช่นเดียวกับ Mediant Note แต่จะทำหน้าที่ต่างกัน โน้ตในขั้นนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้กับ Tonic Note และ Tonic triad มากยิ่งขึ้น และด้วยความแข็งแกร่งและมั่นคงของโน้ตในขั้นนี้ ถ้าใช้ให้ดีจะมีคุณอนันต์ต่อ Tonality Sound แต่ถ้าใช้ไม่ดีก็จะเป็นตัวทำลาย Tonality Sound ที่ทรงอนุภาพที่สุด เหตุเพราะโน้ตในขั้นนี้มีความมั่นคง ( Stable ) สูง พอๆกับ Tonic Note เลยทีเดียว
6) SUBMEDIANT NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 6 ของบันไดเสียง และเป็นโน้ตที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Tonic Note กับ Subdominant Note ในบันไดเสียงขาลง ( Descending ) โน้ตตัวนี้ ไม่มีความคงที่อยู่ในตัว ( Unstable ) คุณสมบัติคล้ายกับ Supertonic Note คือ สามารถดำเนินไปได้โดยไม่จำกัดทิศทาง แต่มีข้อควรระวังอยู่อย่าง คือ อย่าใช้โน้ตตัวนี้บ่อยๆหรือใช้เป็นเสียงค้างยาว ซึ่งจะทำให้โน้ตตัวนี้สำคัญตัวเองขึ้น และผลลัพธ์จากการที่โน้ตตัวนี้มีความสำคัญขึ้น จะส่งผลร้ายแรงขนาดสามารถทำลาย Tonality Sound ได้เลยทีเดียว เหตุผลก็เพราะ โน้ตตัวนี้จริงๆแล้วก็คือ Tonic Note ของบันไดเสียง Minor ซึ่งเป็น Relative กับบันไดเสียง Major นั่นเอง
7) LEADING NOTE เป็นโน้ตในขั้นที่ 7 ของบันไดเสียง โน้ตตัวนี้เป็นโน้ตที่มีแนวโน้มสูงมากที่ต้องการดำเนินเข้าหา Tonic Note กล่าวคือ ไมสามารถคงที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง ( Unstable ) แต่ก็ถูกจัดให้อยู่ในโน้ตที่เสริมสร้าง Tonality Sound เช่นเดียวกับ Subdominant Note มีข้อควรระวังอยู่อย่าง สำหรับการใช้โน้ตในขั้นนี้ คือ อย่าใช้โน้ตตัวนี้บ่อยๆหรือใช้เป็นเสียงค้างยาว โดยเฉพาะกับ Dominant Triad เพราะถึงแม้ว่า โน้ตตัวนี้จะไม่มีความคงที่และมีแนวโน้มที่จะเกลาเข้าหา Tonic Note เสมอ แต่ถ้าถูกใช้บ่อยๆกับ Dominant Triad ก็อาจมีผลทำให้ Tonality Sound สั่นครอนได้ เหตุเพราะ Leading Note เป็นโน้ตคู่ 3 Major ที่อยู่ในองค์ประกอบของ Dominant Triad ซึ่งจะส่งผลทำให้ Dominant Triad มีความสำคัญขึ้น จนอาจทำให้รู้สึกว่า บทเพลงกำลังจะเปลี่ยน Tonality ไป หรือที่เราเรียกกันว่า “ Modulate “
หมายเหตุ : การ Modulation หรือ Modulate คือ การเปลี่ยนคีย์เพลงหรือเปลี่ยนบันไดเสียงในเพลงเดียวกัน ซึ่งคีย์ที่นิยมเปลี่ยนออกไปจาก Tonality Key ก็คือ Dominant Key หรือ Subdominant Key นั่นเอง !