โหมด Mode ใน C Major Scale
C major Scale เป็นสเกลพื้นฐาน และถือเป็นแม่แบบของสเกลอื่นๆทั้งหมด ประกอบด้วยตัวโน๊ต 7 ตัว ที่เรียงกันตามลำดับจากเสียงต่ำไปหาสูงและจากสูงไปหาต่ำ โครงสร้างของสเกล C major scale ประกอบด้วยตัวโน๊ต C D E F G A B และก็จบด้วย C ในอีก Octave หนึ่งตามลำดับ
ผมจะใช้ตัวเลขแทนตัวโน๊ตนะครับ อย่างเช่น C=1, D=2, E=3, F=4, G=5, A=6, B=7, C=8 ครับ
Mode คือการเรียงลำดับของตัวโน๊ตใน Major Scale และเปลี่ยนตัวโน๊ตตัวที่ขึ้นต้นใหม่ ทำให้ได้โหมดทั้งหมด 7 โหมด และมีชื่อเรียกตามลำดับสเกลดังนี้
1. Ionian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 1 ของ Major Scale ซึ่งคือ C major Scale นั่นเอง เพราะมีโครงสร้างและวิธีการใช้เหมือนกันทุกประการ
C=1, D=2, E=3, F=4, G=5, A=6, B=7, C=8
2. Dorian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 2 ของ Major Scale ซึ่งคือ D ใน Major Scale โดย Dorian mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 3 และ 7 ของ Major Scale
D=1, E=2, F=b3, G=4, A=5, B=6, C=b7, D=8
3. Phrygian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน๊ตตัวที่ 3 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ E ใน Major scale โดย Phrygian mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับตัวโน้ตตัวที่ 2,3,6 และ 7 ของ Major scale
E=1, F=b2, G=b3, A=4, B=5, C=b6, D=b7, E=8
4. Lydian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 4 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ F ใน Major Scale โดย Lydian mode เกิดจากการเติมชาร์ป (#) ในโน้ตตัวที่ 4 ของ Major Scale
F=1, G=2, A=3, B=#4, C=5, D=6, E=7, D=8
5. Mixolydian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 5 ของ Major scale ซึ่งคือ G ใน Major Scale โดย Mixolydian Mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 7 ของ Major scale
G=1, A=2, B=3, C=4, D=5, E=6, F=b7, G=8
6. Aeolian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 6 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ A ใน Major Scale โดย Aeolian mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 3,6 และ 7 ของ Major Scale ทำให้มีโครงสร้างเหมือนกับ Natural Minor Scale ทุกประการ
A=1, B=2, C=b3, D=4, E=5, F=b6, G=b7, A=8
7. Locrian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 7 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ B ใน Major Scale โดย Locrian Mode เกิดจากการเติมแฟล้ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 2,3,5,6 และ 7 ของ Major Scale ครับ
B=1, C=b2, D=b3, E=4, F=b5, G=b6, A=b7, B=8
C Major Scale สำคัญสุดครับ ถ้าได้แล้วหลังจากนั้นก็เติมแฟล็ต (b) เติมชาร์ป (#) ตามโครงสร้างของแต่ละโหมด ท่านก็สามารถไล่สเกลได้ทั้ง 7 โหมดแล้วครับ
ผมจะใช้ตัวเลขแทนตัวโน๊ตนะครับ อย่างเช่น C=1, D=2, E=3, F=4, G=5, A=6, B=7, C=8 ครับ
Mode คือการเรียงลำดับของตัวโน๊ตใน Major Scale และเปลี่ยนตัวโน๊ตตัวที่ขึ้นต้นใหม่ ทำให้ได้โหมดทั้งหมด 7 โหมด และมีชื่อเรียกตามลำดับสเกลดังนี้
1. Ionian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 1 ของ Major Scale ซึ่งคือ C major Scale นั่นเอง เพราะมีโครงสร้างและวิธีการใช้เหมือนกันทุกประการ
C=1, D=2, E=3, F=4, G=5, A=6, B=7, C=8
2. Dorian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 2 ของ Major Scale ซึ่งคือ D ใน Major Scale โดย Dorian mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 3 และ 7 ของ Major Scale
D=1, E=2, F=b3, G=4, A=5, B=6, C=b7, D=8
3. Phrygian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน๊ตตัวที่ 3 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ E ใน Major scale โดย Phrygian mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับตัวโน้ตตัวที่ 2,3,6 และ 7 ของ Major scale
E=1, F=b2, G=b3, A=4, B=5, C=b6, D=b7, E=8
4. Lydian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 4 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ F ใน Major Scale โดย Lydian mode เกิดจากการเติมชาร์ป (#) ในโน้ตตัวที่ 4 ของ Major Scale
F=1, G=2, A=3, B=#4, C=5, D=6, E=7, D=8
5. Mixolydian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 5 ของ Major scale ซึ่งคือ G ใน Major Scale โดย Mixolydian Mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 7 ของ Major scale
G=1, A=2, B=3, C=4, D=5, E=6, F=b7, G=8
6. Aeolian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 6 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ A ใน Major Scale โดย Aeolian mode เกิดจากการเติมแฟล็ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 3,6 และ 7 ของ Major Scale ทำให้มีโครงสร้างเหมือนกับ Natural Minor Scale ทุกประการ
A=1, B=2, C=b3, D=4, E=5, F=b6, G=b7, A=8
7. Locrian Mode
เริ่มต้นและจบด้วยโน้ตตัวที่ 7 ของ Major Scale ซึ่งก็คือ B ใน Major Scale โดย Locrian Mode เกิดจากการเติมแฟล้ต (b) ให้กับโน้ตตัวที่ 2,3,5,6 และ 7 ของ Major Scale ครับ
B=1, C=b2, D=b3, E=4, F=b5, G=b6, A=b7, B=8
C Major Scale สำคัญสุดครับ ถ้าได้แล้วหลังจากนั้นก็เติมแฟล็ต (b) เติมชาร์ป (#) ตามโครงสร้างของแต่ละโหมด ท่านก็สามารถไล่สเกลได้ทั้ง 7 โหมดแล้วครับ