จังหวะหนัก กับเส้นกั้นห้อง
บีทหนัก กับ เส้นกั้นห้องมาถึงเรื่องบีทหนัก สำหรับเพลงหนูมาลีนี้ บีทหนักจะวนมาทุกๆ 4 บีทแสดงในภาพด้วย นะครับ (ถ้าลืม กลับไปทบทวนในบทเรียนเรื่อง จังหวะ หัวข้อ บีทหนัก ได้ครับ)
เวลาเราเขียนจังหวะด้วยตัวโน้ต เราก็จะมีตัวโน้ตที่สั้นบ้าง ยาวบ้างตามค่าความยาวของตัวโน้ตแต่ละตัว ทีนี้ถ้าเพลงยาวๆ การอ่านโน้ตและนับบีทไปเรื่อยๆ ดูเหมือนจะงงไม่น้อยเพราะจะมีแต่โน้ตเรียงกันยาวเป็นพืด เพื่อให้ง่ายขึ้นสำหรับการนับบีท เราจะมีการขีดเส้นกั้นครับ โดยกั้นตามจำนวนบีทที่จังหวะหนักจะวนกลับมาอีกครั้ง เช่น อย่างเพลงหนูมาลีนี้ บีทหนักจะวนมาทุกๆ 4 บีท ดังนั้นเราจะกั้นทุกๆ 4 บีท และเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าบีทหนักอยู่ตรงไหน เราจะกั้นห้องที่หน้าบีทหนัก ทำให้ได้บีทแรกของแต่ละห้องเป็นบีทหนักเสมอ
เส้นกั้น เรียกเต็มๆว่า เส้นกั้นห้อง (อังกฤษ-อเมริกันเรียกว่า measure อังกฤษ-อังกฤษเรียกว่า bar) ระหว่างเส้นกั้นห้อง เราจะเรียกว่า ห้อง (ภาษาอังกฤษเรียกว่า bar หรือ measure) และเมื่อจบเพลงเราจะใช้เส้นสองเส้น บางเส้นหนาเส้นคู่กัน (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Double bar) เป็นการบอกว่าจบเพลง
เวลาที่เราเล่นเพลงจากตัวโน้ต แทนที่เราจะนับบีทไปเรื่อยๆ เมื่อมีเส้นกั้นห้องแล้ว เราจะนับง่ายขึ้น โดยเราจะนับบีทหนักเป็น 1 และบีทที่ตามๆ มาก็นับเลขไปเรื่อยๆ เช่น 2 3 4 เมื่อบีทหนักวนมา (ตอนนี้เราก็จะสังเกตได้จากเส้นกั้นห้อง พอเจอเส้นกั้นห้องปุ๊บ) ก็เริ่มนับ 1 ใหม่ สำหรับเพลงหนูมาลี บีทหนักจะวนมาทุกๆ 4 บีท ในแต่ละห้องนึงจึงนับได้ 4 บีทครับ ก็จะเป็นประมาณนี้นะครับ
1 2 3 4 | 1 2 3 4 | 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ
เมื่อมีเส้นกั้นห้องมาเกี่ยวข้อง นักเรียนบางคนจะเว้นระยะระหว่างบีทสุดท้ายของห้องก่อนกับบีทแรกของห้องถัดไป ซึ่งไม่ถูกต้อง บีทต้องห่างกันอย่างสม่ำเสมอ ห่างเท่าๆ กัน การกั้นห้องเป็นการบอกว่าบีทหนักอยู่ตรงไหนเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นถึงเราจะเห็นเส้นกั้นห้อง แต่เวลาเรานับ บีทจะต่อเนื่องกันไปเลยครับ ดังนี้ครับ
1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ
การนับจังหวะ เพลงหนูมาลี
NOTE : การนับบีท เราควรสังเกตและกำหนดการนับให้สะท้อนถึงบีทหนัก เราควรจะนับบีท 1 เป็นบีทหนักเสมอ ให้คุ้นเคยครับ และการนับบีทต้องนับอย่างสม่ำเสมอ ห่างเท่าๆ กันนะครับ อย่าลืม!
เส้นกั้น เรียกเต็มๆว่า เส้นกั้นห้อง (อังกฤษ-อเมริกันเรียกว่า measure อังกฤษ-อังกฤษเรียกว่า bar) ระหว่างเส้นกั้นห้อง เราจะเรียกว่า ห้อง (ภาษาอังกฤษเรียกว่า bar หรือ measure) และเมื่อจบเพลงเราจะใช้เส้นสองเส้น บางเส้นหนาเส้นคู่กัน (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Double bar) เป็นการบอกว่าจบเพลง
เวลาที่เราเล่นเพลงจากตัวโน้ต แทนที่เราจะนับบีทไปเรื่อยๆ เมื่อมีเส้นกั้นห้องแล้ว เราจะนับง่ายขึ้น โดยเราจะนับบีทหนักเป็น 1 และบีทที่ตามๆ มาก็นับเลขไปเรื่อยๆ เช่น 2 3 4 เมื่อบีทหนักวนมา (ตอนนี้เราก็จะสังเกตได้จากเส้นกั้นห้อง พอเจอเส้นกั้นห้องปุ๊บ) ก็เริ่มนับ 1 ใหม่ สำหรับเพลงหนูมาลี บีทหนักจะวนมาทุกๆ 4 บีท ในแต่ละห้องนึงจึงนับได้ 4 บีทครับ ก็จะเป็นประมาณนี้นะครับ
1 2 3 4 | 1 2 3 4 | 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ
เมื่อมีเส้นกั้นห้องมาเกี่ยวข้อง นักเรียนบางคนจะเว้นระยะระหว่างบีทสุดท้ายของห้องก่อนกับบีทแรกของห้องถัดไป ซึ่งไม่ถูกต้อง บีทต้องห่างกันอย่างสม่ำเสมอ ห่างเท่าๆ กัน การกั้นห้องเป็นการบอกว่าบีทหนักอยู่ตรงไหนเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นถึงเราจะเห็นเส้นกั้นห้อง แต่เวลาเรานับ บีทจะต่อเนื่องกันไปเลยครับ ดังนี้ครับ
1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ
การนับจังหวะ เพลงหนูมาลี
NOTE : การนับบีท เราควรสังเกตและกำหนดการนับให้สะท้อนถึงบีทหนัก เราควรจะนับบีท 1 เป็นบีทหนักเสมอ ให้คุ้นเคยครับ และการนับบีทต้องนับอย่างสม่ำเสมอ ห่างเท่าๆ กันนะครับ อย่าลืม!