จากการที่อาจารย์ได้สั่งสอน และบอกว่า การกรอปิ๊คเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน บางคนเล่นพิณมานานหลายปี ก็ยังไม่สามารถกรอปิ๊คได้ดี
ผู้เขียนจึงต้องไปหาว่าการกรอปิ๊คที่ดีจะมีลักษณะ ดังนี้
1.น้ำหนักเสียงเสม่ำเสมอ
2.ความสั้นยาวสม่ำเสมอ
3.ตรงจังหวะ
4ไม่สะดุด
ผู้เขียนเลยได้โอกาศนั่งวิเคราะห์จากการดูคลิปอาจารยห์หลายๆท่าน หาวิธีที่ท่านทำให้ได้ดี และจากการลองทำตาม จึงพอจะสรุปได้ว่า
1.น้ำหนักเสียงจะสม่ำเสมอได้ ต่อเมื่อน้ำหนักมือที่ดีดลง และดีดขึ้นเท่ากัน ซึ่งผู้เล่นพิณส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ น้ำหนักมือตอนดีดลงจึงหนักกว่าตอนดีขึ้น ทำให้เสียงที่ออกมาขณะกรอปิ๊คไม่เท่ากัน เสียงดีดลงจะหนักกว่าเสียงดีดขึ้น ทำให้เกิดเสียง หนัก เบา หนัก เบา สลับกัน
2.ความสั้นยาวสม่ำเสมอ เกินจากความเร็วของการดีด ซึ่งผู้เล่นพิณส่วนมากจะใช้วิธีเคลื่อนมือลง ตอนดีดลง และตวัดมือขึ้นตอนดีดขึ้น ทำให้ความเร็วขณะดีดขึ้นมากกว่าความเร็วตอนดีดลง ทำให้เสียงที่ได้เป็น สั้น ยาว สั้น ยาว สลับกันไปตลอดการกรอ
3.ดีดไม่ตรงจังหวะ เนื่องจากไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐานของเพลง และการกรอ
4.การสะดุด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เมื่อข้อมือของผู้เล่นไม่แข็งแรงเพียงพอ เมื่อเกิดแรงปะทะกับสายพิณ แรงจากข้อมมือไม่สามารถทำให้ปิ๊คผ่านสายไปได้
5 วิธีการจับปิ๊ค ก็เป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้เล่นส่วนมากจับปิ๊คแบบเดียวกับกีตาร์
ที่นิ้วชี้ด้านล่างอยู่ใต้ปิ๊ค มากกว่านิ้วโป้งที่อยู่ด้านบน ปิ๊คจึงอ่อนตัวเมื่อดีดลงได้มากกว่า เสียงที่ได้ขณะดีดลงจะกังวาลมากกว่า ในขณะที่ดีดขึ้นมีนิ้วชี้ค้ำใต้ปิ๊คมากกว่านิ้วโป้งด้านบน ทำให้ปิ๊คแข็งกว่าขณะดีดขึ้น เกิดแรงกระทบมากกว่า เสียงที่ได้จึงทึบกว่า (ส่วนตัวผู้เขียน เห็นว่าการจับปิ๊คแบบ อ.คำเม้า เปิดถนน ที่จับให้นิ้วชิ้พับเท่ากับนิ้วโป้ง เป็นแบบที่ใช้ประโยชน์จากแรงสะบัดจากปิ๊คเท่ากันไม่ว่าจะดีดขึ้นหรือลง)
ลองปรับใช้และหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองกันนะครับ
สวัสดี ขอให้มีความสุขกับการเล่นพิณ
ผู้เขียนจึงต้องไปหาว่าการกรอปิ๊คที่ดีจะมีลักษณะ ดังนี้
1.น้ำหนักเสียงเสม่ำเสมอ
2.ความสั้นยาวสม่ำเสมอ
3.ตรงจังหวะ
4ไม่สะดุด
ผู้เขียนเลยได้โอกาศนั่งวิเคราะห์จากการดูคลิปอาจารยห์หลายๆท่าน หาวิธีที่ท่านทำให้ได้ดี และจากการลองทำตาม จึงพอจะสรุปได้ว่า
1.น้ำหนักเสียงจะสม่ำเสมอได้ ต่อเมื่อน้ำหนักมือที่ดีดลง และดีดขึ้นเท่ากัน ซึ่งผู้เล่นพิณส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ น้ำหนักมือตอนดีดลงจึงหนักกว่าตอนดีขึ้น ทำให้เสียงที่ออกมาขณะกรอปิ๊คไม่เท่ากัน เสียงดีดลงจะหนักกว่าเสียงดีดขึ้น ทำให้เกิดเสียง หนัก เบา หนัก เบา สลับกัน
2.ความสั้นยาวสม่ำเสมอ เกินจากความเร็วของการดีด ซึ่งผู้เล่นพิณส่วนมากจะใช้วิธีเคลื่อนมือลง ตอนดีดลง และตวัดมือขึ้นตอนดีดขึ้น ทำให้ความเร็วขณะดีดขึ้นมากกว่าความเร็วตอนดีดลง ทำให้เสียงที่ได้เป็น สั้น ยาว สั้น ยาว สลับกันไปตลอดการกรอ
3.ดีดไม่ตรงจังหวะ เนื่องจากไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐานของเพลง และการกรอ
4.การสะดุด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เมื่อข้อมือของผู้เล่นไม่แข็งแรงเพียงพอ เมื่อเกิดแรงปะทะกับสายพิณ แรงจากข้อมมือไม่สามารถทำให้ปิ๊คผ่านสายไปได้
5 วิธีการจับปิ๊ค ก็เป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้เล่นส่วนมากจับปิ๊คแบบเดียวกับกีตาร์
ที่นิ้วชี้ด้านล่างอยู่ใต้ปิ๊ค มากกว่านิ้วโป้งที่อยู่ด้านบน ปิ๊คจึงอ่อนตัวเมื่อดีดลงได้มากกว่า เสียงที่ได้ขณะดีดลงจะกังวาลมากกว่า ในขณะที่ดีดขึ้นมีนิ้วชี้ค้ำใต้ปิ๊คมากกว่านิ้วโป้งด้านบน ทำให้ปิ๊คแข็งกว่าขณะดีดขึ้น เกิดแรงกระทบมากกว่า เสียงที่ได้จึงทึบกว่า (ส่วนตัวผู้เขียน เห็นว่าการจับปิ๊คแบบ อ.คำเม้า เปิดถนน ที่จับให้นิ้วชิ้พับเท่ากับนิ้วโป้ง เป็นแบบที่ใช้ประโยชน์จากแรงสะบัดจากปิ๊คเท่ากันไม่ว่าจะดีดขึ้นหรือลง)
ลองปรับใช้และหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองกันนะครับ
สวัสดี ขอให้มีความสุขกับการเล่นพิณ