นิยาม โหมด - ต่างกับสเกล อย่างไร - การใช้งาน
ถึงแม้ว่า จะมีกระทู้เรื่อง โหมด มาหลายอัน
แต่ที่สังเกต ก็จะเป็นเรื่องการใช้งาน เป็นเรื่อง การปรับใช้ การ แอพพลาย เยอะเลยครับ
ดังนั้น ผมจะมากำหนด นิยาม ของมันอีกที
เพื่อเป็นแนวทางในการเข้าใจระบบการทำงาน ของ โหมด
(จริงๆ ผมตั้งใจจะตอบกระทู้เรื่อง โหมดแปลกๆ ฯลฯ
แต่เห็นว่า เป็นเรื่องใหญ่เกินกระทู้เกินไป)
หลายๆคน สามารถพูดได้ว่า โหมด แต่ละอัน มีโน้ตอะไรบ้าง
อารมณ์เป็นอย่างไร
เล่นออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว
หรือแม่กระทั่ง ผสมโน้ตต่างๆออกมา ทำให้เกิดเป็นสีสัน ขึ้นในเพลง ในลักษณะ การประสานเสียง
แต่กลับยังไม่เคยมองทะลุลงไปสู่ ธรรมชาติ และกำเนิด ของ โหมด
การนำเอา นิยามของมัน มาอ่านดู
ก็ทำให้เกิดความโปร่งใส โล่งหัว ขึ้นได้ครับ
โดยเฉพาะกรณีที่มีความสงสัยว่า
mode เป็นอย่างไร เกี่ยวกับ scale อย่างไร
หรือมันเหมือนกัน?
แล้ว mode มันมีแค่ 7 อัน หรือไม่..
- - -
ที่สำคัญที่ต้องรับรู้กันก็คือ
โหมด ไม่ได้มีอยู่ 7 อันนะคร้าบ..
แต่เป็นโหมด ที่เขาชอบใช้ "เริ่มเรียน" กัน
เพื่อมันสามารถลิงค์กับ เสกลที่เขา "เริ่มเรียน" กันได้ เช่น major scale
- - -
คำอธิบายเกี่ยวกับ mode .. mode คืออะไร? ต่างกับ scale อย่างไร:
(ผมจะเริ่มจาก ความหมาย ที่กว้างที่สุดก่อน แล้วจึงเข้าสู่ ความหมายสำหรับการใช้งาน)
- mode คือ การเรียงลำดับของขั้นคู่ต่างๆ
(เช่น whole half whole whole whole half whole --> 1 2 3b 4 5 6 7b 8 กลายเป็น dorian mode)
- ซึ่งเมื่อรวมกับการที่กำหนด คีย์ (key) หรือ โทนิค (tonic) จะทำให้รู้ว่ามันเป็นเสียงอะไรบ้้าง (pitch)
(เช่น 1 2 3b 4 5 6 7b 8 ที่มีตัวแรก (tonic) เป็น D ก็จะได้โหมด D dorian)
- mode มักจะถูกใช้ในรูปของ scale
(ดังนั้น ส่วนใหญ่ เราก็มอง โหมด เป็น scale ชนิดหนึ่งด้วย ซึ่งมองได้
เช่น พอจะพูดได้ว่า mode เป็น scale ชนิดหนึ่ง
แต่พูดไม่ได้ว่า scale เป็น mode)
โดยที่ scale หมายถึง:
- เซ็ต (กลุ่ม) ของโน้ตดนตรี ที่เรียงกันเป็นเสียงต่างๆ (pitch)
- สามารถพูดถึงว่้าเป็น ขาขึ้น ขาลง ได้ด้วย
ทำให้ scale ต่างจากโหมดคือ:
- scale พูดถึง กลุ่มของโน้ตต่างๆ ที่นำมาใช้.. โดยไม่พูดถึง tonic หรือ ความสำคัญที่ต่างกันของโน้ตต่างๆในกลุ่มนั้น
(เช่น scale C major มีโน้ต C D E F G A B C .. หรือ scale หนึ่งมีโน้ต C C# D F Ab Bb Eb' G' C''
scale พูดถึงโน้ตว่า มีโน้ตอะไรบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่า อะไร สำคัญที่สุด และทำหน้าที่อะไร)
ซึ่งไม่เหมือนโหมด ที่กำหนดความสำคัญที่ต่างกันของโน้ตต่างๆ และกำหนด tonic
- scale พูดถึง กลุ่มของโน้ตต่างๆ ไม่ได้พูดถึง ลำดับ ของ ขั้นคู่ (interval)
- - -
ในมุมมองของการใช้งาน:
ปกติเรามักจะเริ่มพูดถึงเกี่ยวกับ mode ที่มีโน้ต 8 ตัว
เริ่มที่โน้ตหนึ่ง และไปจบที่ตัวเดิม เรียงตามตัวอักษรไป จนครบ A B C D E F G
และถือว่า mode สามารถซ้ำไปได้ทุก octave
เช่น C D E F G A B C ก็เป็นโหมด ในแบบนี้
C D E F G A A# C ไม่ได้เป็นโหมด ในแบบนี้ (เพราะไม่ไ่ด้เรียงอักษร ให้ครบ)
C Db E F# G Ab B C เป็นโหมดในแบบนี้
ลักษณะของโหมดแบบนี้ ก็คือ เมื่อเรานำมันมาหมุน แทนที่จะให้ขึ้นจากตัวหนึ่ง
เราให้ไปขึ้นที่อีกตัวหนึ่งแทน เราก็จะได้โหมดมาอีกชุดหนึ่ง
ซึ่งเมื่อทำวนไปเรื่อยๆแล้ว ก็จะได้โหมดออกมาเป็นชุดๆ ชุดๆละ 7 โหมด
เช่นชุดข้างบน เรามองได้ว่า มันเป็น interval ต่างๆดังนี้ (มันเพิ่มเป็นขั้นคู่ ต่อๆกันไป)
half, 1.5 tone, whole, half, half, 1.5 tone, half
ถ้าเรา หมุนมัน แทนที่จะเริ่มจาก C เราเริ่มจาก Db แทน แต่ใช้โน้ตชุดเดียวกัน ก็จะได้
Db E F# G Ab B C Db
จะเห็นเป็น interval ดังนี้
1.5 tone, whole, half, half, 1.5 tone, half, half
จะเห็นได้ว่า แท้ที่จริง interval ก็เป็นชุดเดิมเช่นกัน แต่หมุนถัดไป
เมื่อทำแบบนี้ ไปเรื่อยๆ จนครบ 7 ก็จะได้ mode ออกมาชุดหนึ่ง
(เป็นลักษณะเดียวกับการหมุน และกำเนิด
Ionion, Dorian, Phrygian, Lydian, Mixolydian, Aeolian, Locrian)
การใช้โหมด ในเมื่อมันมี tonic หรือมีตัว ตั้งต้น
และส่วนที่เหลือ มีความห่างต่างๆ อยู่แวดล้อม
การมองโหมดเปล่าๆ จึงเป็นเหมือนกับการมองโทนสี ของภาพวาด
จะมีอะไรที่เป็นจุดศูนย์รวมในภาพ
และสิ่งที่แวดล้อม ก็มีโทนสีต่างๆ
โหมด จึงทำให้เรานึกถึง โทน ของเสียง หรืออารมณ์ ความรู้สึก
ที่ออกมากับ กลุ่มโน้ต เหล่านั้นด้วย
โดยอาศัย tonic เป็นจุดกลาง ที่เอาไว้ดูโทน..
เช่น ภาพวาด ที่มีกล่องสีแดงแป้ด ตรงกลาง
แล้วรอบๆ เป็นสี ขาว เหลือง ฟ้า นวลๆ
กับภาพวาด ที่มีกล่องสีขาว ใสๆ ตรงกลาง
แล้วรอบๆเป็นสี แดงแป้ด ส้มแป้ด น้ำเงินแป้ด
พอมองตรงกลาง มันจะเกิดความรู้สึกบางอย่าง เช่น.. ใส หม่น หวาน กดดัน เพ้อฝัน ฯลฯ
นี่เป็นการเปรียบเทียบ ความรู้สึก ที่ได้จากการใช้ โหมด / ฟังโหมด
- - -
สำหรับวันนี้ก็ขอ intro แค่นี้ก่อนนะครับ
เรื่องของ mode ยัง apply ไปได้กับ scale ที่มีไม่ใช่เป็น 7 ตัวก็ได้
เช่น คำว่า pentatonic mode หรือ โหมด ของ เพนทาโทนิค
ก็คือ การนำเอา เสกล pentatonic มามองเป็นโหมด และ มาหมุนมัน
แล้วได้โหมดออกมา 5 ชุด สำหรับ pentatonic แต่ละแบบ
วันนี้ที่ผมเล่า ค่อนข้างจะออกไปในเชิง concept นะครับ
ยังไงก็ เพลินกันไปก่อนเน้อ
- - -
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่า ตัวอย่างที่ผมยก ยากไป
ก็อาจจะลองไปอ่านจากพวก mode ที่มาจาก major scale ก่อน
อย่างเช่น
Ionion, Dorian, Phrygian, Lydian, Mixolydian, Aeolian, Locrian
และอย่าเพิ่งปักใจกับประโยคประเภท
"C Ionion คือ C major scale
A Aeolian คือ A minor scale'
เพียงแค่เพราะ มันประกอบด้วยโน้ต ที่เหมือนกัน
ถึงแม้ว่า จะมีกระทู้เรื่อง โหมด มาหลายอัน
แต่ที่สังเกต ก็จะเป็นเรื่องการใช้งาน เป็นเรื่อง การปรับใช้ การ แอพพลาย เยอะเลยครับ
ดังนั้น ผมจะมากำหนด นิยาม ของมันอีกที
เพื่อเป็นแนวทางในการเข้าใจระบบการทำงาน ของ โหมด
(จริงๆ ผมตั้งใจจะตอบกระทู้เรื่อง โหมดแปลกๆ ฯลฯ
แต่เห็นว่า เป็นเรื่องใหญ่เกินกระทู้เกินไป)
หลายๆคน สามารถพูดได้ว่า โหมด แต่ละอัน มีโน้ตอะไรบ้าง
อารมณ์เป็นอย่างไร
เล่นออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว
หรือแม่กระทั่ง ผสมโน้ตต่างๆออกมา ทำให้เกิดเป็นสีสัน ขึ้นในเพลง ในลักษณะ การประสานเสียง
แต่กลับยังไม่เคยมองทะลุลงไปสู่ ธรรมชาติ และกำเนิด ของ โหมด
การนำเอา นิยามของมัน มาอ่านดู
ก็ทำให้เกิดความโปร่งใส โล่งหัว ขึ้นได้ครับ
โดยเฉพาะกรณีที่มีความสงสัยว่า
mode เป็นอย่างไร เกี่ยวกับ scale อย่างไร
หรือมันเหมือนกัน?
แล้ว mode มันมีแค่ 7 อัน หรือไม่..
- - -
ที่สำคัญที่ต้องรับรู้กันก็คือ
โหมด ไม่ได้มีอยู่ 7 อันนะคร้าบ..
แต่เป็นโหมด ที่เขาชอบใช้ "เริ่มเรียน" กัน
เพื่อมันสามารถลิงค์กับ เสกลที่เขา "เริ่มเรียน" กันได้ เช่น major scale
- - -
คำอธิบายเกี่ยวกับ mode .. mode คืออะไร? ต่างกับ scale อย่างไร:
(ผมจะเริ่มจาก ความหมาย ที่กว้างที่สุดก่อน แล้วจึงเข้าสู่ ความหมายสำหรับการใช้งาน)
- mode คือ การเรียงลำดับของขั้นคู่ต่างๆ
(เช่น whole half whole whole whole half whole --> 1 2 3b 4 5 6 7b 8 กลายเป็น dorian mode)
- ซึ่งเมื่อรวมกับการที่กำหนด คีย์ (key) หรือ โทนิค (tonic) จะทำให้รู้ว่ามันเป็นเสียงอะไรบ้้าง (pitch)
(เช่น 1 2 3b 4 5 6 7b 8 ที่มีตัวแรก (tonic) เป็น D ก็จะได้โหมด D dorian)
- mode มักจะถูกใช้ในรูปของ scale
(ดังนั้น ส่วนใหญ่ เราก็มอง โหมด เป็น scale ชนิดหนึ่งด้วย ซึ่งมองได้
เช่น พอจะพูดได้ว่า mode เป็น scale ชนิดหนึ่ง
แต่พูดไม่ได้ว่า scale เป็น mode)
โดยที่ scale หมายถึง:
- เซ็ต (กลุ่ม) ของโน้ตดนตรี ที่เรียงกันเป็นเสียงต่างๆ (pitch)
- สามารถพูดถึงว่้าเป็น ขาขึ้น ขาลง ได้ด้วย
ทำให้ scale ต่างจากโหมดคือ:
- scale พูดถึง กลุ่มของโน้ตต่างๆ ที่นำมาใช้.. โดยไม่พูดถึง tonic หรือ ความสำคัญที่ต่างกันของโน้ตต่างๆในกลุ่มนั้น
(เช่น scale C major มีโน้ต C D E F G A B C .. หรือ scale หนึ่งมีโน้ต C C# D F Ab Bb Eb' G' C''
scale พูดถึงโน้ตว่า มีโน้ตอะไรบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่า อะไร สำคัญที่สุด และทำหน้าที่อะไร)
ซึ่งไม่เหมือนโหมด ที่กำหนดความสำคัญที่ต่างกันของโน้ตต่างๆ และกำหนด tonic
- scale พูดถึง กลุ่มของโน้ตต่างๆ ไม่ได้พูดถึง ลำดับ ของ ขั้นคู่ (interval)
- - -
ในมุมมองของการใช้งาน:
ปกติเรามักจะเริ่มพูดถึงเกี่ยวกับ mode ที่มีโน้ต 8 ตัว
เริ่มที่โน้ตหนึ่ง และไปจบที่ตัวเดิม เรียงตามตัวอักษรไป จนครบ A B C D E F G
และถือว่า mode สามารถซ้ำไปได้ทุก octave
เช่น C D E F G A B C ก็เป็นโหมด ในแบบนี้
C D E F G A A# C ไม่ได้เป็นโหมด ในแบบนี้ (เพราะไม่ไ่ด้เรียงอักษร ให้ครบ)
C Db E F# G Ab B C เป็นโหมดในแบบนี้
ลักษณะของโหมดแบบนี้ ก็คือ เมื่อเรานำมันมาหมุน แทนที่จะให้ขึ้นจากตัวหนึ่ง
เราให้ไปขึ้นที่อีกตัวหนึ่งแทน เราก็จะได้โหมดมาอีกชุดหนึ่ง
ซึ่งเมื่อทำวนไปเรื่อยๆแล้ว ก็จะได้โหมดออกมาเป็นชุดๆ ชุดๆละ 7 โหมด
เช่นชุดข้างบน เรามองได้ว่า มันเป็น interval ต่างๆดังนี้ (มันเพิ่มเป็นขั้นคู่ ต่อๆกันไป)
half, 1.5 tone, whole, half, half, 1.5 tone, half
ถ้าเรา หมุนมัน แทนที่จะเริ่มจาก C เราเริ่มจาก Db แทน แต่ใช้โน้ตชุดเดียวกัน ก็จะได้
Db E F# G Ab B C Db
จะเห็นเป็น interval ดังนี้
1.5 tone, whole, half, half, 1.5 tone, half, half
จะเห็นได้ว่า แท้ที่จริง interval ก็เป็นชุดเดิมเช่นกัน แต่หมุนถัดไป
เมื่อทำแบบนี้ ไปเรื่อยๆ จนครบ 7 ก็จะได้ mode ออกมาชุดหนึ่ง
(เป็นลักษณะเดียวกับการหมุน และกำเนิด
Ionion, Dorian, Phrygian, Lydian, Mixolydian, Aeolian, Locrian)
การใช้โหมด ในเมื่อมันมี tonic หรือมีตัว ตั้งต้น
และส่วนที่เหลือ มีความห่างต่างๆ อยู่แวดล้อม
การมองโหมดเปล่าๆ จึงเป็นเหมือนกับการมองโทนสี ของภาพวาด
จะมีอะไรที่เป็นจุดศูนย์รวมในภาพ
และสิ่งที่แวดล้อม ก็มีโทนสีต่างๆ
โหมด จึงทำให้เรานึกถึง โทน ของเสียง หรืออารมณ์ ความรู้สึก
ที่ออกมากับ กลุ่มโน้ต เหล่านั้นด้วย
โดยอาศัย tonic เป็นจุดกลาง ที่เอาไว้ดูโทน..
เช่น ภาพวาด ที่มีกล่องสีแดงแป้ด ตรงกลาง
แล้วรอบๆ เป็นสี ขาว เหลือง ฟ้า นวลๆ
กับภาพวาด ที่มีกล่องสีขาว ใสๆ ตรงกลาง
แล้วรอบๆเป็นสี แดงแป้ด ส้มแป้ด น้ำเงินแป้ด
พอมองตรงกลาง มันจะเกิดความรู้สึกบางอย่าง เช่น.. ใส หม่น หวาน กดดัน เพ้อฝัน ฯลฯ
นี่เป็นการเปรียบเทียบ ความรู้สึก ที่ได้จากการใช้ โหมด / ฟังโหมด
- - -
สำหรับวันนี้ก็ขอ intro แค่นี้ก่อนนะครับ
เรื่องของ mode ยัง apply ไปได้กับ scale ที่มีไม่ใช่เป็น 7 ตัวก็ได้
เช่น คำว่า pentatonic mode หรือ โหมด ของ เพนทาโทนิค
ก็คือ การนำเอา เสกล pentatonic มามองเป็นโหมด และ มาหมุนมัน
แล้วได้โหมดออกมา 5 ชุด สำหรับ pentatonic แต่ละแบบ
วันนี้ที่ผมเล่า ค่อนข้างจะออกไปในเชิง concept นะครับ
ยังไงก็ เพลินกันไปก่อนเน้อ
- - -
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่า ตัวอย่างที่ผมยก ยากไป
ก็อาจจะลองไปอ่านจากพวก mode ที่มาจาก major scale ก่อน
อย่างเช่น
Ionion, Dorian, Phrygian, Lydian, Mixolydian, Aeolian, Locrian
และอย่าเพิ่งปักใจกับประโยคประเภท
"C Ionion คือ C major scale
A Aeolian คือ A minor scale'
เพียงแค่เพราะ มันประกอบด้วยโน้ต ที่เหมือนกัน